วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา

ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา


       
          ตลาดน้ำสี่ภาค ตั้งอยู่เลยพัทยาใต้ไปทางสัตหีบเพียงไม่ถึง 10 กิโลเมตร สร้างขึ้นบนพื้นที่กว่า 23 ไร่ ริมถนนสุขุมวิท แต่เดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่ากก มีบึงธรรมชาติขนาดใหญ่ จึงทำบึงแห่งนี้ให้กลายเป็น "ตลาดน้ำ" ให้ผู้คนได้สัมผัสความเป็นไทย ๆ โดยจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไทยที่เรียบง่าย เพื่อให้ผู้คนได้เรียนรู้วิถีพอเพียงดั้งเดิมที่ผูกพันกับสายน้ำตั้งแต่อดีตสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลใน 4 ภาค ของประเทศไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้


          อีกทั้งยังเล็งเห็นว่าควรจะนำเอาของดีของเด่นทั้ง 4 ภาค มารวมไว้ด้วยกัน จึงกลายมาเป็น "ตลาดน้ำสี่ภาค" สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แหล่งรวมศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และสินค้าต่าง ๆ ทั้ง 4 ภาคของไทยเอามารวมไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว


          บรรยากาศภายใน ตลาดน้ำสี่ภาค มีกลิ่นอายแบบไทย ๆ ให้ได้สัมผัส มีการจำลองบ้านเรือนไทยแบบโบราณของแต่ละภาคเรียงรายเอาไว้ตลอดสองข้างทาง มีชุมชนการค้าริมน้ำในอดีต โดยแม่ค้า พ่อขาย จะพายเรือไปตามแม่น้ำเพื่อขายสินค้า เราก็สามารถเรียกแม่ค้า พ่อค้า ที่พายเรือผ่านไปผ่านมาเพื่อซื้อหาสินค้าได้ ซึ่งมีทั้งของกิน ของที่ระลึก แต่ด้านบนบกยังมีร้านค้าตั้งอยู่มากมาย มีทั้งอาหารของคาวและของหวานให้เลือกชิม อีกทั้งยังมีสินค้าหัตถกรรมหลากหลาย ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภาคให้เลือกซื้อด้วย
          โดยสินค้าทั้ง 4 ภาค จะแตกต่างกันออกไปตามวิถีชีวิตแต่ละภาค โดยภาคเหนือจะเป็นสินค้างานไม้แกะสลัก เครื่องเงิน ผ้าพื้นเมืองลวดลายงดงามวิจิตร ผ้าไหม และร่มกระดาษ สำหรับสินค้าภาคกลาง ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์หวาย เครื่องประดับ กระเป๋าสาน ภาคอีสานโดดเด่นในกลุ่มสินค้าผ้าไหมหมัดหมี่ ผ้าไหมแพรวา เทียนหอม หมอนอิง และภาคใต้สินค้าเลื่องชื่อ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ผ้าบาติก เรือไม้จำลอง


ถ้าเดินไปอีกหน่อยก็จะเจอ พิพิธภัณฑ์หนึ่งสยาม ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานฝีมือหัตถกรรม ไม้สักทองแกะสลักไว้มากมาย หรือจะไปย้อนรำลึกและเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ของทั้ง 4 ภาค ไม่ว่าจะเป็น การทำนาปลูกข้าว, การทอผ้าไหม, การทำขนมไทยโบราณ ที่แปลงเกษตรสาธิตและสมุนไพรไทย ก็สามารถทำได้
          ขณะเดียวกัน ถ้าเหน็ดเหนื่อยก็หาซื้อของกินเล่นมารอนั่งชมการแสดงต่าง ๆ ของแต่ละภาค รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและร่วมสนุกได้ตลอดทั้งวัน หรืออยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นนั่งเรือชม "ตลาดน้ำสี่ภาค" บ้างก็สามารถทำได้ เพราะมีเรือพายไว้บริการ จะพายเองหรือให้เจ้าหน้าที่คอยพายให้ก็ตามสะดวก ราคาเพียงแค่ลำละ 200 บาทต่อ 1 ลำ นั่งได้ 3-4 ท่าน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที

    
ที่ตั้ง :  อยู่ติดถนนสุขุมวิท อยู่ห่างจากพัทยาใต้ไปทางสัตหีบ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร (ฝั่งซ้ายมือ) ตรงข้ามกับจูราสสิก การ์เด้น

เวลาทำการ : 10.00 - 24.00 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
วันเสาร์ และ วันอาทิตย์จะมีการแสดงของแต่ละภาควนไปตามซุ้มต่าง ๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวรับชม

ติดต่อ : โทร. 0 3870 6340



จาก    travel.kapook.com/view8292.html

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนฯ

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนฯ


ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนฯ มีเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ จัดเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ที่สุดผืนสุดท้ายของจังหวัดชลบุรีที่หลงเหลืออยู่ โดยทางสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรีได้จัดสร้างศูนย์ฯ นี้ขึ้น เพื่ออนุรักษ์ผืนป่าให้คงอยู่ พร้อมให้ความรู้ประชาชนควบคู่กันไปด้วย มีการจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ยาว 2,300 เมตร ซึ่งจัดเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และมีสวนสุขภาพบริเวณด้านหน้าของศูนย์ฯ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มาออกกำลังกาย


นอกจากผู้เข้าชมจะได้พบเห็นดงต้นโกงกางที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น และช่วยกำบังคลื่นลมทะเลได้เป็นอย่างดีแล้ว เรือนรากโกงกางเหล่านี้ยังกลายเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ อีกทั้งช่วยดักให้สารอินทรีย์ในน้ำตกตะกอนได้อีกด้วย ถ้าสังเกตให้ดีจะพบหอย ลูกปลา ปลาตีน ปูก้ามดาบ กุ้ง นกกินเปี้ยว รวมถึงปูพันธุ์ใหม่ชื่อ “หยกฟ้า” และมีนกยางบินวนเวียนมาดักซุ่มจับปลากินเป็นอาหารด้วย

ที่ตั้ง : หมู่ 3 ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองชลบุรี ถนนเลียบป่าชายเลน

การเดินทาง : จากถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาที่แยกคีรี จนถึงถนนเลียบป่าชายเลนแล้วเลี้ยวซ้าย ศูนย์ฯ อยู่ตรงข้ามกับสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรี

เวลาทำการ : 08.30-18.30 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

ค่าเข้าชม :
ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท
ถ้ามาเป็นหมู่คณะใหญ่ตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ผู้ใหญ่ราคา 5 บาท เด็กราคา 3 บาท
ถ้าต้องการวิทยากรนำชมเพื่อให้ความรู้ คิดค่าวิทยากรชั่วโมงละ 100 บาท

ติดต่อ : โทร. 0-3839-8268-9 (ในวันและเวลาราชการ), 08-1713-9683 โทรสาร 0-3839-8298




จาก   tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

สวนผีเสื้อสายทิพย์

สวนผีเสื้อสายทิพย์


สวนผีเสื้อสายทิพย์ เป็นสวนผีเสื้อที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ภายในมีส่วนพิพิธภัณฑ์จัดแสดงให้ความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตผีเสื้ออันซับซ้อน ชนิดของผีเสื้อ ถ้ำรังนก มีฟาร์มผีเสื้อท่ามกลางสวนไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกไว้งดงาม โดยมีผีเสื้อหลายพันธุ์ที่เพาะเลี้ยงไว้นับพันตัว โดดเด่นคือ ผีเสื้อเอ็ดเวิร์ด หรือผีเสื้อหนอนกระท้อน (Atlas Moth) ซึ่งเป็นผีเสื้อขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีลวดลายบนปีกสวยงามแปลกตามาก นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ผึ้ง สวนกล้วยไม้ และร้านขายของที่ระลึกด้วย




สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมของสวนผีเสื่อสายทิพย์ คือ กรงผีเสื้อขนาดใหญ่ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินชมดอกไม้และเพลิดเพลินกับลีลาอันพลิ้วไหวของบรรดาผีเสื้อที่โบยบินอยู่รอบตัว เราจะได้เห็นไข่ของผีเสื้อ หนอนตัวอ่อน ดักแด้ และผีเสื้อเกิดใหม่หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งผีเสื้อหนอนใบรัก ผีเสื้อหางตุ้มจุดชมพู ผีเสื้อสะพายฟ้า ผีเสื้อร่อนลม ผีเสื้อเณร และอื่นๆอีกมากมาย นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ ซึ่งผู้เข้าชมสามารถใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เพื่อซึมซับความมหัศจรรย์ของผีเสื้อ


ที่ตั้ง : อยู่บริเวณ กม. 10 ของทางหลวงหมายเลข 36 ในอำเภอศรีราชา

การเดินทาง : หากมาจากถนนสุขุมวิท แยกซ้ายบริเวณตลาดบางพระ ตามทางที่จะไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียว

เวลาทำการ : 08.30-17.30 น. ทุกวัน

ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 30บาท เด็ก 15 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท

ติดต่อ : โทร. 0-3829-8330



จาก     tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา



สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงมานานหลายสิบปีแล้ว โดยเฉพาะมีตู้กระจกขนาดใหญ่ที่เรียกว่าอะควาเรียม เลี้ยงปลาทะเลและสิ่งมีชีวิตหลากชนิดหลากสีไว้ให้ชม สถาบันแห่งนี้มีเนื้อที่ราว 30 ไร่ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มไว้จัดแสดง และห้องปฏิบัติการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล (ส่วนนี้ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม)



อะควาเรียมหรือตู้กระจกแสดงสัตว์น้ำของที่นี่อยู่บริเวณชั้นล่างของอาคาร โดยมีเส้นทางเป็นวงรอบไม่ย้อนกลับทางเดิมจัดไว้ให้ชม ปัจจุบันมีตู้กระจกอยู่มากถึง 43 ตู้ ตั้งแต่ตู้ขนาดเล็กบรรจุน้ำ 500 ลิตร ไปถึงขนาดมหึมาบรรจุน้ำ 2 แสนลิตร โดยจัดแสดงเริ่มตั้งแต่สัตว์ชายฝั่งทะเล ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง และเขตทะเลลึก อาทิ เต่าทะเล ฉลาม ปลาการ์ตูน ดอกไม้ทะเล ปลานกแก้ว ปลาผีเสื้อ ปลากะรัง ปลาข้างเหลือง ม้าน้ำ ปลาสิงโต ปลาปักเป้า ปลาไหลทะเล กุ้งพยาบาล ปูชนิดต่างๆ ปลาดาว กระเบน หอยเม่น ฯลฯ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการมาเป็นครอบครัว เพื่อร่วมกันเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ


ปัจจุบันด้านหลังสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล กำลังมีการจัดสร้างอาคาร “โครงการโลกใต้ทะเล” โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด คาดว่าจะเปิดให้เข้าชมได้ในปลายปี พ.ศ. 2522 นี้ และน่าจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของโลกใต้ทะเลที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทยในอนาคต

ที่ตั้ง : เลขที่ 169 ถนนลงหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าของมหาวิทยาลัยบูรพา ก่อนถึงหาดบางแสน 1 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 12 กิโลเมตร

การเดินทาง : ผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถขึ้นรถประจำทางสายชลบุรี-บางแสน-หนองมน จากนั้นลงต่อรถสองแถวเข้าหาดบางแสน แล้วลงที่ด้านหน้าของมหาวิทยาลัยบูรพา

เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ปิดเพียงวันเดียวคือวันจันทร์ ส่วนวันหยุดราชการเปิดถึง 17.00 น. สาธิตดำน้ำให้อาหารปลามีรอบเวลา 14.30 น. วันหยุดเพิ่มรอบ 10.30 น.

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท นักเรียนและนักศึกษาในเครื่องแบบ 5 บาท

ติดต่อ : โทร. 0-3839-1671-3



จาก  tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา

 อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา



 อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา (Underwater World Pattaya) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งทำให้ผู้มาเยือนเหมือนกับได้เดินทางดำดิ่งลงสู่โลกใต้ทะเล โดยเริ่มจากชายฝั่งอันเป็นหาดทรายและแก่งหิน ลงลึกไปยังดงปะการังสีสันสดใส จนถึงท้องทะเลลึก นักท่องเที่ยวจะได้เข้าชมในอุโมงค์ซึ่งสร้างเป็นทางลอดไปในอะควาเรียมขนาดใหญ่ ที่จำลองสภาพแวดล้อมธรรมชาติใต้ทะเลไว้อย่างสวยงามและใกล้ชิด



อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ในเนื้อที่ 12 ไร่ และมีสัตว์น้ำมากกว่า 4,500 ตัว จาก 200 กว่าชนิด โดยจัดแสดงสัตว์น้ำไว้ในอาคารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ มีการสร้างเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวมากกว่า 100 เมตร นับเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวที่สุดของเอเชีย มีสัตว์ทะเลหลายชนิดจัดแสดง ตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กอย่างปลาการ์ตูน ม้าน้ำ ไปจนถึงสัตว์อย่างฉลาม กระเบนขนาดใหญ่ และนากเล็กเล็บสั้น เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบ่อสัมผัส (Touch Pool) ให้นักท่องเที่ยวจุ่มมือลงไปสัมผัสสัตว์ทะเลที่มีนิสัยเป็นมิตรบางชนิดได้อย่างปลอดภัย อาทิ ปลาดาว ฉลามกบ ฯลฯ

ที่ตั้ง : เลขที่ 22/22 หมู่ 11 หลัก กม. 151 ริมถนนสุขุมวิท ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง (ช่วงจอมเทียน)

การเดินทาง : อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา ตั้งอยู่ริมถนน สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก ทั้งรถยนต์ส่วนตัว และรถโดยสารประจำทาง

เวลาทำการ : 09.00-18.00 น. ทุกวัน (เปิดรับนักท่องเที่ยวชุดสุดท้าย 17.30 น.)

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 180 บาท เด็ก 120 บาท

ติดต่อ : โทร. 0-3875-6876-9 โทรสาร 0-3875-6875



จาก   tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html