วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา

ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา


       
          ตลาดน้ำสี่ภาค ตั้งอยู่เลยพัทยาใต้ไปทางสัตหีบเพียงไม่ถึง 10 กิโลเมตร สร้างขึ้นบนพื้นที่กว่า 23 ไร่ ริมถนนสุขุมวิท แต่เดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่ากก มีบึงธรรมชาติขนาดใหญ่ จึงทำบึงแห่งนี้ให้กลายเป็น "ตลาดน้ำ" ให้ผู้คนได้สัมผัสความเป็นไทย ๆ โดยจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไทยที่เรียบง่าย เพื่อให้ผู้คนได้เรียนรู้วิถีพอเพียงดั้งเดิมที่ผูกพันกับสายน้ำตั้งแต่อดีตสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลใน 4 ภาค ของประเทศไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้


          อีกทั้งยังเล็งเห็นว่าควรจะนำเอาของดีของเด่นทั้ง 4 ภาค มารวมไว้ด้วยกัน จึงกลายมาเป็น "ตลาดน้ำสี่ภาค" สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แหล่งรวมศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และสินค้าต่าง ๆ ทั้ง 4 ภาคของไทยเอามารวมไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว


          บรรยากาศภายใน ตลาดน้ำสี่ภาค มีกลิ่นอายแบบไทย ๆ ให้ได้สัมผัส มีการจำลองบ้านเรือนไทยแบบโบราณของแต่ละภาคเรียงรายเอาไว้ตลอดสองข้างทาง มีชุมชนการค้าริมน้ำในอดีต โดยแม่ค้า พ่อขาย จะพายเรือไปตามแม่น้ำเพื่อขายสินค้า เราก็สามารถเรียกแม่ค้า พ่อค้า ที่พายเรือผ่านไปผ่านมาเพื่อซื้อหาสินค้าได้ ซึ่งมีทั้งของกิน ของที่ระลึก แต่ด้านบนบกยังมีร้านค้าตั้งอยู่มากมาย มีทั้งอาหารของคาวและของหวานให้เลือกชิม อีกทั้งยังมีสินค้าหัตถกรรมหลากหลาย ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภาคให้เลือกซื้อด้วย
          โดยสินค้าทั้ง 4 ภาค จะแตกต่างกันออกไปตามวิถีชีวิตแต่ละภาค โดยภาคเหนือจะเป็นสินค้างานไม้แกะสลัก เครื่องเงิน ผ้าพื้นเมืองลวดลายงดงามวิจิตร ผ้าไหม และร่มกระดาษ สำหรับสินค้าภาคกลาง ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์หวาย เครื่องประดับ กระเป๋าสาน ภาคอีสานโดดเด่นในกลุ่มสินค้าผ้าไหมหมัดหมี่ ผ้าไหมแพรวา เทียนหอม หมอนอิง และภาคใต้สินค้าเลื่องชื่อ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ผ้าบาติก เรือไม้จำลอง


ถ้าเดินไปอีกหน่อยก็จะเจอ พิพิธภัณฑ์หนึ่งสยาม ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานฝีมือหัตถกรรม ไม้สักทองแกะสลักไว้มากมาย หรือจะไปย้อนรำลึกและเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ของทั้ง 4 ภาค ไม่ว่าจะเป็น การทำนาปลูกข้าว, การทอผ้าไหม, การทำขนมไทยโบราณ ที่แปลงเกษตรสาธิตและสมุนไพรไทย ก็สามารถทำได้
          ขณะเดียวกัน ถ้าเหน็ดเหนื่อยก็หาซื้อของกินเล่นมารอนั่งชมการแสดงต่าง ๆ ของแต่ละภาค รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและร่วมสนุกได้ตลอดทั้งวัน หรืออยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นนั่งเรือชม "ตลาดน้ำสี่ภาค" บ้างก็สามารถทำได้ เพราะมีเรือพายไว้บริการ จะพายเองหรือให้เจ้าหน้าที่คอยพายให้ก็ตามสะดวก ราคาเพียงแค่ลำละ 200 บาทต่อ 1 ลำ นั่งได้ 3-4 ท่าน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที

    
ที่ตั้ง :  อยู่ติดถนนสุขุมวิท อยู่ห่างจากพัทยาใต้ไปทางสัตหีบ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร (ฝั่งซ้ายมือ) ตรงข้ามกับจูราสสิก การ์เด้น

เวลาทำการ : 10.00 - 24.00 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
วันเสาร์ และ วันอาทิตย์จะมีการแสดงของแต่ละภาควนไปตามซุ้มต่าง ๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวรับชม

ติดต่อ : โทร. 0 3870 6340



จาก    travel.kapook.com/view8292.html

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนฯ

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนฯ


ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนฯ มีเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ จัดเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ที่สุดผืนสุดท้ายของจังหวัดชลบุรีที่หลงเหลืออยู่ โดยทางสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรีได้จัดสร้างศูนย์ฯ นี้ขึ้น เพื่ออนุรักษ์ผืนป่าให้คงอยู่ พร้อมให้ความรู้ประชาชนควบคู่กันไปด้วย มีการจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ยาว 2,300 เมตร ซึ่งจัดเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และมีสวนสุขภาพบริเวณด้านหน้าของศูนย์ฯ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มาออกกำลังกาย


นอกจากผู้เข้าชมจะได้พบเห็นดงต้นโกงกางที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น และช่วยกำบังคลื่นลมทะเลได้เป็นอย่างดีแล้ว เรือนรากโกงกางเหล่านี้ยังกลายเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ อีกทั้งช่วยดักให้สารอินทรีย์ในน้ำตกตะกอนได้อีกด้วย ถ้าสังเกตให้ดีจะพบหอย ลูกปลา ปลาตีน ปูก้ามดาบ กุ้ง นกกินเปี้ยว รวมถึงปูพันธุ์ใหม่ชื่อ “หยกฟ้า” และมีนกยางบินวนเวียนมาดักซุ่มจับปลากินเป็นอาหารด้วย

ที่ตั้ง : หมู่ 3 ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองชลบุรี ถนนเลียบป่าชายเลน

การเดินทาง : จากถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาที่แยกคีรี จนถึงถนนเลียบป่าชายเลนแล้วเลี้ยวซ้าย ศูนย์ฯ อยู่ตรงข้ามกับสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรี

เวลาทำการ : 08.30-18.30 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

ค่าเข้าชม :
ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท
ถ้ามาเป็นหมู่คณะใหญ่ตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ผู้ใหญ่ราคา 5 บาท เด็กราคา 3 บาท
ถ้าต้องการวิทยากรนำชมเพื่อให้ความรู้ คิดค่าวิทยากรชั่วโมงละ 100 บาท

ติดต่อ : โทร. 0-3839-8268-9 (ในวันและเวลาราชการ), 08-1713-9683 โทรสาร 0-3839-8298




จาก   tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

สวนผีเสื้อสายทิพย์

สวนผีเสื้อสายทิพย์


สวนผีเสื้อสายทิพย์ เป็นสวนผีเสื้อที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ภายในมีส่วนพิพิธภัณฑ์จัดแสดงให้ความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตผีเสื้ออันซับซ้อน ชนิดของผีเสื้อ ถ้ำรังนก มีฟาร์มผีเสื้อท่ามกลางสวนไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกไว้งดงาม โดยมีผีเสื้อหลายพันธุ์ที่เพาะเลี้ยงไว้นับพันตัว โดดเด่นคือ ผีเสื้อเอ็ดเวิร์ด หรือผีเสื้อหนอนกระท้อน (Atlas Moth) ซึ่งเป็นผีเสื้อขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีลวดลายบนปีกสวยงามแปลกตามาก นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ผึ้ง สวนกล้วยไม้ และร้านขายของที่ระลึกด้วย




สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมของสวนผีเสื่อสายทิพย์ คือ กรงผีเสื้อขนาดใหญ่ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินชมดอกไม้และเพลิดเพลินกับลีลาอันพลิ้วไหวของบรรดาผีเสื้อที่โบยบินอยู่รอบตัว เราจะได้เห็นไข่ของผีเสื้อ หนอนตัวอ่อน ดักแด้ และผีเสื้อเกิดใหม่หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งผีเสื้อหนอนใบรัก ผีเสื้อหางตุ้มจุดชมพู ผีเสื้อสะพายฟ้า ผีเสื้อร่อนลม ผีเสื้อเณร และอื่นๆอีกมากมาย นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ ซึ่งผู้เข้าชมสามารถใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เพื่อซึมซับความมหัศจรรย์ของผีเสื้อ


ที่ตั้ง : อยู่บริเวณ กม. 10 ของทางหลวงหมายเลข 36 ในอำเภอศรีราชา

การเดินทาง : หากมาจากถนนสุขุมวิท แยกซ้ายบริเวณตลาดบางพระ ตามทางที่จะไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียว

เวลาทำการ : 08.30-17.30 น. ทุกวัน

ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 30บาท เด็ก 15 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท

ติดต่อ : โทร. 0-3829-8330



จาก     tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา



สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงมานานหลายสิบปีแล้ว โดยเฉพาะมีตู้กระจกขนาดใหญ่ที่เรียกว่าอะควาเรียม เลี้ยงปลาทะเลและสิ่งมีชีวิตหลากชนิดหลากสีไว้ให้ชม สถาบันแห่งนี้มีเนื้อที่ราว 30 ไร่ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มไว้จัดแสดง และห้องปฏิบัติการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล (ส่วนนี้ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม)



อะควาเรียมหรือตู้กระจกแสดงสัตว์น้ำของที่นี่อยู่บริเวณชั้นล่างของอาคาร โดยมีเส้นทางเป็นวงรอบไม่ย้อนกลับทางเดิมจัดไว้ให้ชม ปัจจุบันมีตู้กระจกอยู่มากถึง 43 ตู้ ตั้งแต่ตู้ขนาดเล็กบรรจุน้ำ 500 ลิตร ไปถึงขนาดมหึมาบรรจุน้ำ 2 แสนลิตร โดยจัดแสดงเริ่มตั้งแต่สัตว์ชายฝั่งทะเล ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง และเขตทะเลลึก อาทิ เต่าทะเล ฉลาม ปลาการ์ตูน ดอกไม้ทะเล ปลานกแก้ว ปลาผีเสื้อ ปลากะรัง ปลาข้างเหลือง ม้าน้ำ ปลาสิงโต ปลาปักเป้า ปลาไหลทะเล กุ้งพยาบาล ปูชนิดต่างๆ ปลาดาว กระเบน หอยเม่น ฯลฯ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการมาเป็นครอบครัว เพื่อร่วมกันเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ


ปัจจุบันด้านหลังสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล กำลังมีการจัดสร้างอาคาร “โครงการโลกใต้ทะเล” โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด คาดว่าจะเปิดให้เข้าชมได้ในปลายปี พ.ศ. 2522 นี้ และน่าจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของโลกใต้ทะเลที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทยในอนาคต

ที่ตั้ง : เลขที่ 169 ถนนลงหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าของมหาวิทยาลัยบูรพา ก่อนถึงหาดบางแสน 1 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 12 กิโลเมตร

การเดินทาง : ผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถขึ้นรถประจำทางสายชลบุรี-บางแสน-หนองมน จากนั้นลงต่อรถสองแถวเข้าหาดบางแสน แล้วลงที่ด้านหน้าของมหาวิทยาลัยบูรพา

เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ปิดเพียงวันเดียวคือวันจันทร์ ส่วนวันหยุดราชการเปิดถึง 17.00 น. สาธิตดำน้ำให้อาหารปลามีรอบเวลา 14.30 น. วันหยุดเพิ่มรอบ 10.30 น.

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท นักเรียนและนักศึกษาในเครื่องแบบ 5 บาท

ติดต่อ : โทร. 0-3839-1671-3



จาก  tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา

 อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา



 อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา (Underwater World Pattaya) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งทำให้ผู้มาเยือนเหมือนกับได้เดินทางดำดิ่งลงสู่โลกใต้ทะเล โดยเริ่มจากชายฝั่งอันเป็นหาดทรายและแก่งหิน ลงลึกไปยังดงปะการังสีสันสดใส จนถึงท้องทะเลลึก นักท่องเที่ยวจะได้เข้าชมในอุโมงค์ซึ่งสร้างเป็นทางลอดไปในอะควาเรียมขนาดใหญ่ ที่จำลองสภาพแวดล้อมธรรมชาติใต้ทะเลไว้อย่างสวยงามและใกล้ชิด



อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ในเนื้อที่ 12 ไร่ และมีสัตว์น้ำมากกว่า 4,500 ตัว จาก 200 กว่าชนิด โดยจัดแสดงสัตว์น้ำไว้ในอาคารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ มีการสร้างเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวมากกว่า 100 เมตร นับเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวที่สุดของเอเชีย มีสัตว์ทะเลหลายชนิดจัดแสดง ตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กอย่างปลาการ์ตูน ม้าน้ำ ไปจนถึงสัตว์อย่างฉลาม กระเบนขนาดใหญ่ และนากเล็กเล็บสั้น เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบ่อสัมผัส (Touch Pool) ให้นักท่องเที่ยวจุ่มมือลงไปสัมผัสสัตว์ทะเลที่มีนิสัยเป็นมิตรบางชนิดได้อย่างปลอดภัย อาทิ ปลาดาว ฉลามกบ ฯลฯ

ที่ตั้ง : เลขที่ 22/22 หมู่ 11 หลัก กม. 151 ริมถนนสุขุมวิท ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง (ช่วงจอมเทียน)

การเดินทาง : อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา ตั้งอยู่ริมถนน สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก ทั้งรถยนต์ส่วนตัว และรถโดยสารประจำทาง

เวลาทำการ : 09.00-18.00 น. ทุกวัน (เปิดรับนักท่องเที่ยวชุดสุดท้าย 17.30 น.)

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 180 บาท เด็ก 120 บาท

ติดต่อ : โทร. 0-3875-6876-9 โทรสาร 0-3875-6875



จาก   tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

สวนนงนุช

สวนนงนุช



สวนนงนุช (Nong Nooch Tropical Botanical Garden) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด สวนนงนุช สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เพียงไม่กี่กิโลเมตร จากพัทยา ท่านจะได้พบกับพรรณไม้นานาชนิด สวนสวยๆ และ การแสดงของช้างแสนรู้ ภายในสวนประกอบด้วยหลายส่วน เช่น ,สวนหิน (Rock Garden) หรือ (Blue Garden) ,วัตถุโบราณ (Antique Hall) ,สวนเนินลายปีกผีเสื้อ (Butterfly Hill) ,ทางเดินลอยฟ้า (SKY WALK) ,สวนผีเสื้อ (Butterfly House) ,สวนปาล์มโลก (Palm Collection Garden) ,สวนยุโรป (European garden) ,สวนเนินดอกไม้ (Flower Hill) ,สวนเฟื่องฟ้า (Bougainvillea Garden) ,สวนสับปะรดสี (Bromeliad House) ,สวนน้ำพุ(Fountain Garden) ,สวนกล้วยไม้ ,เฟิน ,สับปะรดสี ,สวนไม้พุ่มไม้ดัด ,สวนปาล์มจากทั่วทุกมุมโลก ,สวนตะบองเพชรและไม้อวบน้ำ ,สวนบอนไซ ,สวนเฟื่องฟ้า ,สวนโมก ,สวนฝรั่ง ,สวนรถไฟจำลอง ,สโตนเฮนจ์ ฯลฯ พร้อมที่พักเป็นเรือนไม้สักทรงไทย มีห้องประชุมสัมมนา สวนสัตว์ และศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ประกอบด้วยการฟ้อนรำพื้นเมือง ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว กีฬาพื้นบ้าน และการแสดงของช้าง


เดิมพื้นที่สวนนงนุชเคยเป็นสวนผลไม้มาก่อน กระทั่งปี พ.ศ. 2497 คุณพิสิทธิ์และคุณนงนุช ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินบริเวณนี้ไว้ แล้วจัดเป็นสวนให้ประชาชนเข้าชม โดยเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2523 ปัจจุบันนี้สวนนงนุชกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าเยี่ยมชมประมาณวันละ 2,000 คน 

ที่ตั้ง : เลขที่ 34/1 หมู่ 7 นาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ

การเดินทาง : อยู่ห่างจากปากทางเข้าพัทยาใต้ 18 กิโลเมตร โดยแยกซ้ายจากถนนสุขุมวิท บริเวณ กม. 163 เข้าไปประมาณ 3.5 กิโลเมตร

เวลาทำการ : 08.00-18.00 น. ทุกวัน

ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท

ติดต่อ :โทร. 0-3870-9358-61, 0-3823-8158, 0-384-29321
            โทรสาร 0-3823-8160
            สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0-2252-1768, 0-2251-2161
                                            โทรสาร 0-2252-9975



 จาก     tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สวนเสือศรีราชา

สวนเสือศรีราชา



สวนเสือศรีราชา (Sriracha Tiger Zoo) เป็นสถานที่จัดแสดงเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลกว่า 200 ตัว รวมทั้งยังมีจระเข้อีกกว่า 100,000 ตัว และสัตว์อื่นๆอีกนานาชนิด นักท่องเที่ยวจะได้ชมการอยู่ร่วมกันของเสือกับหมูและสุนัข มีการแสดงจับจระเข้ การแสดงหมูวิ่งแข่ง ราชินีแมงป่อง ฯลฯ สวนเสือศรีราชาจัดตั้งขึ้นบนพื้นที่กว่า 250 ไร่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2540 โดยดำเนินงานอย่างมีมาตรฐานเพื่อพัฒนาพันธุ์สัตว์ อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และนันทนาการ พร้อมให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน


ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ โชว์ละครสัตว์ “Amazing Circus” เป็นการแสดงความสามารถของสัตว์ ประกอบด้วยการแสดงของเสือโคร่ง หมี ลิงชิมแพนซี โจ๊กเกอร์โชว์ ชมความสามารถของเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลที่สามารถลอดบ่วงไฟ เดินบนสะพานเชือก ทำตามคำสั่งของครูฝึก และอีกหลายความสามารถ โดยโรงละครสัตว์นี้สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 1,500 คน

ที่ตั้ง : เลขที่ 341 หมู่ 3 กม. 20 ทางหลวงสาย 7 (ชลบุรี-พัทยาสายใหม่) ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา

การเดินทาง :อยู่ห่างจากตลาดศรีราชา (ทางไปโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา) ไปตามทางหลวงหมายเลข 3241 ประมาณ 10 กิโลเมตร

เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.

ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150 บาท

ติดต่อ : โทร. 0-3829-6556-8, 0-293-47841, 0-2934-6259 โทรสาร 0-3829-6559




จาก   tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

พัทยา

พัทยา



พัทยา เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวเริ่มจากทหารอเมริกันได้แวะขึ้นฝั่ง แล้วเช่าบ้านพักตากอากาศที่พัทยาเป็นประจำทุกสัปดาห์ ต่อมาพัทยาจึงได้พัฒนาขึ้นจากหมู่บ้านชายทะเลอันเงียบสงบ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศระดับนานาชาติดังที่ปรากฏในปัจจุบัน


หาดพัทยา เป็นหาดทรายที่มีความยาวต่อเนื่องประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ โดยแบ่งเป็นพัทยาเหนือ พัทยากลาง และพัทยาใต้ โดยที่หาดพัทยาใต้นั้นถือเป็นศูนย์รวมความเจริญและแสงสี ยามค่ำคืนมีการปิดถนนเป็น Walking Street ให้นักท่องเที่ยวเดินช็อปปิ้งได้โดยสะดวก ส่วนบริเวณชายหาดก็ร่มรื่น แถวๆหาดพัทยาเหนือเป็นบริเวณที่สงบกว่าส่วนอื่น นักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวนิยมไปเล่นน้ำพักผ่อน หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่างๆ ส่วนชายหาดพัทยากลางไปถึงพัทยาใต้จะคึกคักคับคั่งกว่า เพราะเป็นย่านธุกิจ ร้านค้า โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก และแหล่งบันเทิงครบวงจร

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากอำเภอเมืองชลบุรีประมาณ 50 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ 140 กิโลเมตร ช่วงระหว่างอำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบ

การเดินทาง :

- รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสุขุมวิทเข้าสู่เมืองพัทยา มี 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ สุขุมวิท-พัทยาเหนือ (หลัก กม. 144) สุขุมวิท-พัทยากลาง (หลัก กม. 145-156) และสุขุมวิท-พัทยาใต้ (หลัก กม. 147) ทั้งสามสายจะไปพบกันที่ถนนเลียบหาดพัทยา โดยถนนที่ใช้ท่องเที่ยวย่านเมืองพัทยา คือ ถนนนาเกลือ ผ่านหาดวงอำมาตย์ ปราสาทสัจธรรม ถนนเลียบชายหาด เป็นวันเวย์ผ่านพัทยาเหนือ พัทยากลาง และพัทยาใต้ ถนนพัทยาสาย 2 จะผ่านแหล่งบันเทิง ที่กิน ที่พักมากมาย ถนนเขาพระบาท เป็นทางไปเที่ยวชมวิวบนเขาพระบาทและต่อไปยังหาดจอมเทียนได้ หรือจากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (Motorway) สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา เริ่มต้นจากด่านพระราม 9 ไปออกที่อำเภอบางละมุง แล้วตรงสู่พัทยา ระยะทาง 124 กิโลเมตร
- รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ ขึ้นได้ที่สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) และสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ มีรถออกตลอดวัน สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2391-2504, 0-231-9829 หรือติดต่อบริษัทรุ่งเรืองโค้ช จำกัด โทร. 0-2271-2962
- รถไฟ มีสายกรุงเทพฯ-พัทยา-พลูตาหลวง ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง วันละ 1 เที่ยว เวลา 06.55 น. ถึงสถานีพัทยาเวลา 10.45 น. (รวมเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 40 นาที) สถานีรถไฟพัทยาอยู่นอกเมืองพัทยาเยื้องกับทางเข้าถนนพัทยานอก โทร. 1690, 0-2223-7010, 0-2223-7020

ติดต่อ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคกลาง เขต 3 โทร. 0-3842-7667, 0-3842-8750



จาก   tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว



สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เป็นป่าแห่งเดียวของชลบุรี ดำเนินงานโดยองค์การสวนสัตว์ นักท่องเที่ยวจะได้ชมสัตว์มากถึง 300 ชนิด ทั้งสัตว์ของไทยและจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช้าง กระทิง วัวแดง ฮิปโปโปเตมัส ชะนี ค่าง ลิงลม (นางอาย) ม้าลาย ยีราฟ นกกระจอกเทศ ไฮยีน่า เสือ สิงโต กวางดาว ละมั่ง แพะภูเขา เลียงผา หมี นกยูง นกกระเรียน นกเงือก ฯลฯ ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กว้างขวาง มีการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นธรรมชาติเหมาะแก่อุปนิสัยของสัตว์นั้นๆ และสามารถให้นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังมีบางส่วนอยู่ในกรงเพื่อกันการหลบหนี และเพื่อความปลอดภัยของตัวนักท่องเที่ยวเอง


สวนสัตว์เปิดเขาเขียวจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517 โดยฟื้นฟูสภาพป่าเขาเขียวที่เสื่อมโทรมขึ้นมาใหม่ จากนั้นได้นำสัตว์บางส่วนจากสวนสัตว์ดุสิตมาปล่อยเลี้ยงไว้ตามสภาพธรรมชาติ แล้วเริ่มเปิดให้คนเข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2521 ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่ นับเป็นสวนสัตว์เปิดที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก แบ่งออกเป็นส่วนวิจัยและศึกษาพันธุ์สัตว์ป่าหายาก สวนสัตว์เปิด และส่วนบริการ


จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ “สวนนก” ซึ่งสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยตาข่าย กินพื้นที่ถึง 5 ไร่ ภายในมีเส้นทางเดินขึ้นไปเนินเขา แล้ววนกลับลงมา ที่นี่มีนกหลายชนิดส่งเสียงร้องและบินไปมาอยู่ทั่วสวน อาทิ นกฟลามิงโก้ นกเขียวคราม นกกางเขนดง นกแต้วแล้ว นกขมิ้น ไก่ฟ้า เป็ดก่า และอื่นๆ นอกจากนี้ทุกวันยังมีการจัดกิจกรรมชมสัตว์ในเวลากลางคืน (Night Safari) แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย

ที่ตั้ง : บริเวณเชิงเขาเขียว ห่างจากตัวเมืองศรีราชาเข้าไป 25 กิโลเมตร

การเดินทาง :

- รถยนต์ส่วนตัว จากถนนสุขุมวิทบริเวณตลาดบางพระ เดินทางไปตามป้ายบอกทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่มีอยู่อย่างชัดเจนเป็นระยะๆ ถนนจะลัดเลาะไปตามขอบอ่างเก็บน้ำบางพระ ผ่านสนามกอล์ฟบางพระ ขึ้นสะพานข้ามทางหลวงหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-พัทยา) จากนั้นตรงต่อไปอีก 7 กิโลเมตร จนถึงปากทางเข้าสวนสัตว์ฯ สามารถขับรถวนภายในสวนสัตว์ และจอดแวะชมตามจุดต่างๆได้โดยสะดวก
- รถสองแถว คิวอยู่ในถนนไปอ่างเก็บน้ำบางพระ ตรงข้ามศาลเจ้า จะรอให้คนเต็มหรือจะเหมาไปก็ได้
  
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น. ส่วนบริการ Night Safari มี 2 รอบ คือเวลา 19.00 น. และ 20.00 น.

ค่าเข้าชม : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท

ติดต่อ : โทร. 0-3829-8270, 0-3829-8195 โทรสาร. 0-3829-8272



จาก   tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html

เขาสามมุข

เขาสามมุข



เขาสามมุข เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงควบคู่กับหาดบางแสน เป็นทั้งที่ตั้งของศาลเจ้าแม่สามมุขอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นจุดชมวิบนยอดเขาสูงที่มีฝูงลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปเล่นน้ำที่หาดบางแสน ก่อนกลับบ้าน มักจะแวะเที่ยวที่นี่เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่มีร้านอาหารทะเลอร่อยๆอยู่หลายร้าน


ศาลเจ้าแม่สามมุข เป็นศาลเจ้าจีนที่ตั้งอยู่ภายใต้หลืบผาหิน บริเวณเชิงเขาสามมุขด้านทิศเหนือหันหน้าออกสู่ทะเล โดยย้ายมาจากบริเวณด้านตะวันตกของเขาสามมุข ศาลแห่งนี้มักมีผู้คนแวะมากราบไหว้ขอพร และบนบานกันอยู่เสมอ โดยผู้ที่ได้รับผลสำเร็จตามคำขอจะแก้บนโดยการจุดประทัด และซื้อสร้อยมุขมาถวายแด่รูปปั้นเจ้าแม่ นับเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวจีน ฮ่องกง และไต้หวัน


นิยมปฏิบัติกันมาก ชั้นบนของศาลเจ้าแม่ฯ เป็นวิหารพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ให้สักการะ บริเวณหน้าวิหารมีระเบียงชมวิวทะเลด้วย


จุดเด่นอีกอย่าง คือ ฝูงลิงป่า ที่อาศัยอยู่บนเขาหินลูกนี้มาแต่เดิม พวกมันมักจะออกมาอวดโฉมเพื่อขออาหารกันอยู่ตลอดวัน ลิงป่าที่นี่มีจำนวนนับพันตัว และบางตัวค่อนข้างดุ จึงต้องระวังด้านความปลอดภัยด้วย

ที่ตั้ง : อยู่บริเวณแหลมสามมุข จากอ่างศิลาไปตามทางหลวงหมายเลข 3134 อีกราว 3 กิโลเมตร พบป้ายบอกทางไปเขาสามมุข เลี้ยวขวาไปตามป้ายอีก 1 กิโลเมตร จนถึงศาลเจ้าแม่สามมุข หรือถ้ามาจากหาดบางแสน ใช้ถนนเส้นเลียบหาดมุ่งตรงสู่แหลมแท่น จะมีป้ายบอกทางไปตลอด ห่างจากหาดบางแสนราวๆ 2 กิโลเมตร

การเดินทาง : เขาสามมุขไม่มีรถสองแถวผ่าน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก หรือไม่ต้องเช่ารถสองแถวจากตลาดหนองมนให้ไปส่ง แล้วรอรับกลับก็ได้

เวลาทำการ : เขาสามมุขเป็นพื้นที่สาธารณะ จึงผ่านไปชมได้ตลอดเวลา แต่กลางคืนค่อนข้างเปลี่ยว นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนและกราบไหว้ศาลเจ้าแม่สามมุขในเวลากลางวัน จนถึงเวลาประมาณ 18.00 น.

ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


จาก   tnews.co.th/html/news/56568/20-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87!!-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html